ขั้นตอนการผลิตภาพยนตร์😏
หลัก 3P
P 1 = Pre-production
ในขั้นตอนนี้คือจุดเริ่มต้นของการทำงาน หากมีการวางแผนเตรียมงานไว้ดีมีรายละเอียดขั้นตอน วิธีการทำงานชัดเจน แม้จะต้องใช้งบประมาณใช้เวลามากกว่าขั้น ตอนอื่นๆก็คุ้มค่า เพราะจะทำให้การทำงานในขั้นตอนอื่นๆสะดวก รวดเร็ว และลดปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยมีรายละเอียดในแต่ละหัวข้อดังนี้..
1.1 การวางแผน (Plan) คือการกำหนดทิศทางขั้นตอนในการทำงาน• Why? กำหนดวัตถุประสงค์ ทำไมจึงต้องทำ
• Who? กำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละขั้นตอน
• What? กำหนดเป้าหมาย จะทำอะไร
• How? กำหนดวิธีการทำงาน จะทำอย่างไร
• Where? กำหนดสถานที่ ที่ไหน
1.2 การจัดทำเนื้อหา(Content)เมื่อตั้งคำถามและหาคำตอบได้แล้ว ก่อนที่จะผลิตรายการจำเป็นที่จะต้องมีเนื้อหาสำหรับใช้เขียนบทที่มีความถูกต้องชัดเจนและมีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเนื้อหาจะต้องไม่ส่งผลกระทบในทางที่เสื่อมเสียต่อสังคม มีสาระที่ให้ข้อคิดที่ดีมีประโยชน์ต่อผู้ชมโดยมีที่มาของแหล่งข้อมูล ด้วยวิธีต่างๆ
1.3 เขียนบท (Script) บทเป็นเสมือนแผนที่เดินทางหรือแบบแปลนการก่อสร้าง หากมีรายละเอียดชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจ ก็จะทำให้การถ่ายทำสะดวกและรวดเร็วขึ้น
•สร้างสรรค์รูปแบบการนำเสนอ(Creation)เช่น สารคดี สาธิต ละคร ข่าว ฯลฯ
•กำหนดแก่นของเรื่อง (Theme) ต้องมีเอกภาพ(Unity ) สั้น อ่านแล้วเข้าใจง่าย
•กำหนดเค้าโครงเรื่อง(Plot/Treatment) โดยกำหนดสัดส่วน
•เขียนบท ร่าง ควรเขียนบทร่างเพื่อให้มองเห็นภาพกว้างๆ กำหนดฉาก บทสนทนาหรือคำบรรยาย
•เขียนบทสมบูรณ์(Full script ,Shooting script,Screenplay) เมื่อแก้ไขบทร่างแล้ว จึงควรเขียนบทที่สมบูรณ์ เขียนให้ละเอียด อธิบายให้ชัดเจนทั้งขนาดภาพ มุมมอง แสง เสียง หากเป็นการแสดงจะต้องบอกถึงกริยา ท่าทาง อารมณ์ สถานที่และส่วนประกอบในฉากด้วย
•ตรวจแก้ไขก่อนนำไปใช้ถ่ายทำ ควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในคณะทำงานได้รับรู้ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเข้าใจตรงกัน
1.4 การประสานงาน (Co-ordinate) การทำงานเป็นกลุ่ม เรื่องการประสานงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องให้ทุกคนในกลุ่มรู้และเข้าใจตรงกัน การสื่อความหมายต้องชัดเจนไม่คลุมเครือ กำหนดนัดหมาย ประชุมวางแผน ขั้นตอนการทำงาน ใครมีหน้าที่ ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เพื่อให้ทุกคนรู้บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบและขอบเขตการทำงานของตนเอง ผู้ที่ทำหน้าที่นี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะหากผิดพลาดก็จะกลายเป็นการประสานงาน
P2 = Production
เมื่อถึงขั้นตอนนี้คือการนำแผนที่คิดไว้ มาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม แม้จะไม่ตรงตามแผนที่คิดไว้ทั้งหมดแต่ก็ต้องพยายามเดินตามแผนให้ได้มากที่สุด(ยืดหยุ่นในการปฏิบัติแต่ยืนหยัดในหลักการ) ในการถ่ายทำนั้นควรเลือกใช้อุปกรณ์ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบของรายการได้ดังนี้
2.1 การถ่ายทำในสถานที่(Studio) มีข้อได้เปรียบคือสามารถ ควบคุมแสง เสียง และจัดตกแต่งฉากได้โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพดินฟ้าอากาศฝนตก อากาศร้อน หนาว สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ถ่ายทำได้รวดเร็วเพราะมีกล้องมากกว่าหนึ่งตัว ทำให้ถ่ายได้ต่อเนื่องหลายมุม
2.2 การถ่ายทำนอกสถานที่(Outdoor)แบ่งออกเป็นสามแบบคือ
2.2.1 แบบใช้กล้องเดี่ยวเรียกว่าชุด ENG. (Electronic News Gathering) ลักษณะที่ตัวกล้องกับเครื่องบันทึกเทปประกอบติดกัน ทั้งแบบที่ถอด แยกส่วนได้(Dockable)และแบบที่ประกอบชิ้นเดียวกัน(OnepieceหรือCamcorder) จึงเหมาะสำหรับงานถ่ายทำข่าว ถ่ายทำสารคดีที่ต้อง การความคล่องตัวสะดวกรวดเร็วในการทำงาน ใช้ทีมงานไม่มากเพียงสองถึงสามคน
2.2.2 แบบใช้กล้องมากกว่าหนึ่งตัว เรียกว่าชุด EFP.(Electronic Field Product) ใช้อุปกรณ์คล้ายกับในห้องStudio มีกล้องตั้งแต่สองกล้องขึ้นไปต่อสายCable จากกล้องเชื่อมไปเข้า เครื่องผสมสัญญาณภาพ(Vision Mixer)สามารถเลือกได้จากหลายกล้องและหลายมุมมองถ่ายทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ ติดตั้งอุปกรณ์ตายตัวสามารถเคลื่อนย้ายติดตั้งได้ ตามโอกาสและสภาพการใช้งานเหมาะกับรายการสนทนา สาธิต อภิปรายฯ ที่มีการถ่ายทำนอกสถานที่
P 3 = Post- production
การตัดต่อเป็นงานขั้นสุดท้ายที่สำคัญมาก แม้การถ่ายทำมาดีเพียงใด แต่ถ้าหากตัดต่อไม่ดีรายการก็จะขาดความสมบูรณ์ ไม่น่าสนใจ ขั้นตอนนี้จึงต้องพิถีพิถัน ทั้งด้านเทคนิคและศิลปะ ซึ่งมีลำดับขั้นตอนทำงานดังนี้
- การตัดต่อแบบ Off Line เป็นการตัดต่อที่ยังต้องเน้นเทคนิคและคุณภาพตัดเพื่อดูความต่อเนื่อง ความยาวในแต่ละ Shot ให้ตรงกับเนื้อหาตามบทเท่านั้น มีอุปกรณ์ให้เลือกได้ 2 แบบคือ
1. อุปกรณ์แบบ Non-linear เป็นการตัดต่อด้วยอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์
2. อุปกรณ์แบบ Linear คือระบบเดิมที่ใช้เครื่อง Video Tape ตัดต่อธรรมดาแบบ Cut to Cut ยังไม่ต้องใส่เทคนิคอะไรลงไป ตัดเพื่อเลือกดู Shot ที่ต้องการ และ TC เพื่อใช้เป็นแนงตัวอย่างสำหรับใช้ตัดจ่อแบบ On line ที่สมบูรณ์ต่อไป
อ้างอิงจาก : https://www.gotoknow.org/posts/124467.


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น